มูลนิธิศูนย์ฮอทไลน์ ปรึกษาปัญหาชีวิต และโรคเอดส์ โทรฟรีทั่วประเทศ

ครอบครัว....ความรัก....และความรุนแรง (ตอน) หรือ...เราคิดไปเอง

15 ธันวาคม 2563
ครอบครัว....ความรัก....และความรุนแรง (ตอน) หรือ...เราคิดไปเอง

“หนูขอเรียกตนเองว่าน้ำหวานนะคะ จะทำอย่างไรดีคะถ้าเราไปรักคนที่เขามีเจ้าของแล้ว รักมากด้วย และเขาคนนี้ก็ดีกับเราและดีกับทุก ๆ คนด้วย  แต่จะมีบางคนที่สังเกตออกว่าเขาจะเล่นกับเราเป็นพิเศษ  แต่บางคนก็จะว่าเขาทำอย่างนี้กับทุก ๆ คน   บางสิ่งบางอย่างก็มีคนบอกว่าเขาไม่เคยทำอย่างนี้กับใคร จะมีเรานี่แหละที่พิเศษกว่าคนอื่น เช่น  มีของมาให้เราทั้ง ๆ  ที่เขาไม่เคยทำกับใครมาก่อน (แต่พวกที่บอกว่าทำกับทุก ๆ คนจะไม่รู้)

เขาคิดอย่างไรกับเรา เขาทำไปเพื่ออะไรกันแน่ แกล้งเราให้ดีใจเล่นหรือเปล่า  ตอนที่เขาเอาของมาให้ครั้งแรก  เราก็คิดว่าเขาคงคิดสนุกขึ้นมาเฉย ๆ แต่พอมีครั้งที่สองนี่สิที่ไม่มั่นใจว่าอย่างไรกันแน่  เราไม่อยากจะคิดเข้าข้างตนเองเพราะจะมีเสียงที่ขัดแย้งมาเสมออย่างที่หนูกล่าวไว้ข้างต้น แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย เลยไม่มั่นใจสักเท่าไร หนูควรจะทำอย่างไรดีคะ  เมื่อเป็นแบบนี้แล้วคิดว่าเขาน่าจะมีจิตใจให้กับหนูบ้างหรือเปล่าคะ   ช่วยแก้ปัญหาให้หนูด้วยนะคะ”

กรณีหญิงสาวรายนี้เข้าใจว่า  อายุคงยังไม่ถึง  30 ปี  และอาจจะยังไม่เคยคบใครอย่างจริงจัง เรียกว่ายังไม่มีประสบการณ์  แต่ความสดใสตามธรรมชาติมักจะดึงดูดเพศตรงข้ามให้วนเวียนเข้าใกล้  ไม่ต่างจากผึ้งหนุ่มที่วนเวียนกันเข้าดูดซับน้ำหวานจากเกสรดอกไม้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่สนใจต่อสีสันและความงดงามของดอกไม้  เพราะฉะนั้นหากผู้หญิงเราจะระแวดระไวระมัดระวังตัวไว้บ้างก็น่าจะดี  โดยเฉพาะการเข้ามาใกล้ชิดสนิทสนมของผู้ชายที่สร้างความหวั่นไหวให้เธอ

นั่นเป็นเพราะสังคมไทยสมัยนี้ ผู้หญิงออกทำมาหากินมีสิทธ์มีเสียงมีความสามารถและคุณสมบัติ  เทียมเท่าชาย  ทำให้สามารถออกมาทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้ชายได้  จะต่างกันก็ตรงเรื่องของอารมณ์ ที่ฮอร์โมนในร่างกายอาจส่งผลกระทบต่อหญิงและชายไม่เท่ากัน  โดยเฉพาะในเรื่องของอารมณ์และความรู้สึก  ผู้หญิงมักซื่อตรงต่อความรู้สึกของตนเองมากกว่า  เมื่อมีความรู้สึกชอบ  พึงพอใจ  อาการอ่อนไหวก็มักแสดงออกมา  จะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม  ในขณะที่ผู้ชายสามารถควบคุม กลบเกลื่อนหรือเสแสร้งการแสดงออกได้มากกว่าผู้หญิง    เมื่อบวกกับประสบการณ์และความชำนาญ  ก็ทำให้ผู้หญิงส่วนใหญ่เข้าใจเจตนาของเขาไม่ชัดเจน  และง่ายในการเดินเข้าไปติดบ่วงล่อที่เขาวางดักไว้

ที่สำคัญเนื่องจากผู้หญิงให้ความสำคัญต่อรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆเสมอ ในขณะที่ผู้ชายจะลงรายละเอียดกรณีที่ตนต้องการผลประโยชน์  หรือมีจุดมุ่งหมายบางอย่าง  ดังในกรณีนี้  เขาเองมีคนรักหรือแฟนแล้ว  ที่ผ่านมาก็ไม่เคยซื้อของหรือขนมให้เพื่อนร่วมงานหญิงเลย  จนเมื่อพบกับเธอ  เขาก็สร้างความหวั่นไหวให้เธอด้วยการมีของเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือมาให้ทำให้เธอรู้สึกตนเองเป็นคนพิเศษสำหรับเขา และก็พยายามจะทำให้ตนเองรู้สึกดีขึ้น  ด้วยการคิดเข้าข้างตนเองว่า  “เขาคงมีใจให้เราเช่นกัน!”


อย่างไรก็ตาม การที่ผู้หญิงจะมองโลกทางบวกหรือโลกสวย ด้วยการอ่อนไหวไปกับความรู้สึกของตนเอง หรือความคิดว่า  ฝ่ายชายมีใจให้เช่นกัน  คิดเช่นนั้นแล้วรู้สึกดี  ก็ไม่เป็นไร  แต่คำถามคือ   แล้วอย่างไรต่อ? กรณีนี้เธอบอก  “เธอรักชายคนนี้เข้าแล้ว และรักมากด้วย!” แต่จากที่เล่ามา  เหมือนเธอจะเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นาน  จากการมาทำงานร่วมกัน  เธอรับรู้แล้วว่า  เขามีคนรักแล้ว  แต่แสดงให้เห็นว่า เธอเป็นคนพิเศษสำหรับเขา  ด้วยของฝากเล็ก ๆ น้อย  ๆ ก็ทำให้เธอคิดไปว่าเขาคงมีใจให้เธอด้วยเช่นกัน  เธออยาก ให้ช่วยแก้ปัญหาให้เธอ แต่ที่ยังไม่ชัดเจน  คือปัญหาอยู่ที่เธอรักคนที่มีเจ้าของแล้ว และเขาก็รักเธอด้วย  รักแฟนด้วย  เป็นความรักระหว่างคนสามคน เรียกกันว่า “รักสามเส้า” หรือเขามีคนรักแล้ว  แต่เราไปรักเขาข้างเดียว  เรียกว่า “เราเป็นส่วนเกินของคนสองคนนั่น” หรืออย่างไร?

แหละไม่ว่า เธอจะอยู่ในกรณีของ “รักสามเส้า” หรือ “รักส่วนเกิน” ก็คงจะไม่ดีนัก เพราะรักสามเส้า  เราคงจะทุกข์ระคนสุข หรือเราสุขแต่อีกคนทุกข์  ส่วนที่เป็น “รักส่วนเกิน” คือตัวเรากลายเป็นส่วนเกินของคนสองคน  เราก็จะยิ่งทุกข์มากขึ้น  ซึ่งเมื่อเราพูดถึงเรื่อง “ความรัก”  หรือเมื่อเรามีความรัก ก็ควรจะเป็นเรื่องของความสุขไม่ใช่หรือ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะก้าวต่อไป  คุณผู้หญิงท่านนี้ก็น่าจะใช้เวลาในการพิจารณาไตร่ตรองว่า  อย่างไรเราจะทำให้ความรักของเราครั้งนี้เป็นความสุข ไม่ว่าจะเป็นรักสามเส้าหรือ  รักส่วนเกินก็ตาม

เมื่อเธอบอกว่า  “รักเขาเข้าแล้ว  และรักมากด้วย  ทั้งที่รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว!” เราต้องถามว่า  ที่ว่ารักนั้นรักเพราะอะไร  เขาดีตรงไหนเราจึงหลงรักเขา  รักเพราะเขาหล่อ  รูปร่างหน้าตาดี  หรือเพราะอะไร  หรือรักเพราะเขาเป็นคนดี  ดีอย่างไร เราได้เห็นเขาทำดีอะไรบ้าง  เพียงเพราะเขาแคร์เรา  ซื้อของฝากเล็ก  ๆ  น้อย  ๆ  นั่นหรือคือความดี เรายังไม่รู้จักเขาจริง  ๆ  เลย  ซึ่งปัญหาชีวิตคู่ที่เราพบนั้น  หญิงชายแต่งงานอยู่กินกันมาตลอดชีวิต  สุดท้ายก็ต้องเลิกร้างกันด้วยเหตุผลที่ว่า  อยู่กันนานขนาดไหนก็ยังเหมือนไม่รู้จักกันอยู่ดี  สิ่งที่เราคิดว่ารู้จักเขา  ความจริงเขาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจ  เพราะฉะนั้นจะเอาอะไรกับการรู้จักหน้าตา พูดคุยกันได้ไม่นาน  แล้วจะเชื่อว่าเขารักเราจริง  หรือเรารักเขาจริง  ๆ  หรือนี่เป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น

เป็นไปได้หรือไม่ ช่วงเวลานี้เรามีความเงียบเหงาเกิดขึ้น หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเรายังไม่ลงตัว  เรายังไม่รู้สึกว่าตนเองประสบความสำเร็จอะไร ความมั่นคงในการดำเนินชีวิตยังไม่มี เราอยากมีเพื่อนที่รู้ใจเรา อยากรู้สึกว่าตนเองมีค่า เป็นที่ต้องการ ที่สำคัญคือ เราอยากมีความสุข!  แล้วความสุขเริ่มต้นขึ้นตรงไหน  คนมากมายเข้าใจว่า ความสุขของตัวเราเกิดขึ้นเพราะคนอื่นเป็นผู้กำหนด เช่น การมีแฟนดีทำให้มีความสุข   ฯลฯ   ก็เป็นบางส่วน แต่เมื่อเขาทำไม่ดี  หรือทำในสิ่งที่เราไม่ชอบไม่ถูกใจ  เราก็จะโกรธ ไม่พอใจ  ไม่มีความสุข ซึ่งการที่คนสองคนมาจากสิ่งแวดล้อมแตกต่างกัน  ต้องมาปรับตัวให้เข้ากัน  โอกาสจะเกิดความไม่พอใจ น้อยใจ  เสียใจ  จะมากกว่าความพอใจกัน ด้วยเหตุนี้คนหนุ่มสาวมากมายเดี๋ยวรักเดี๋ยวเลิกกันอยู่บ่อย  ๆ  หรือไม่พอใจก็หาคนใหม่ซึ่งปัญหาหลักคือ เราอาจยังไม่ได้เรียนรู้จักตนเองดีพอ   ยังไม่แน่ใจความต้องการและเป้าหมายในชีวิต   จึงยากที่จะเข้าใจหรือรู้จักคนอื่น!

การเรียนรู้จักตนเองคือ  รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง  จุดแข็งเปรียบเสมือน “ต้นทุน” ที่ดี เช่น  มีการศึกษาดี  มีงานทำ  มีฐานะทางการเงินมั่นคง   มีครอบครัวพ่อแม่พี่น้องที่รักใคร่อบอุ่นดีมีความสุข  ไม่มีความแตกแยกทอดทิ้งกันและกัน  หรือเป็นคนเข้มแข็งอดทนหนักเอาเบาสู้ มีความรู้ความสามารถ ช่วยเหลือดูแลตนเองได้ ส่วนที่เป็นจุดอ่อน เช่น สุขภาพอ่อนแอมีโรคประจำตัว ครอบครัวแตกแยก ฐานะการเงินมีปัญหา  ขี้เหงา  อ่อนไหว  เพื่อนสนิทมีน้อยหรือไม่มี  การงานไม่มั่นคง  เปลี่ยนงานบ่อย  ปรับตัวยาก  ไม่เป็นตัวของตัวเอง  เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม  แต่ละคนอาจมีคุณสมบัติหรือบุคลิกภาพที่มีทั้งส่วนที่เป็นจุดอ่อนและจุดแข็ง  จึงควรเลือกใช้หรือระมัดระวังตนเอง เช่น  หากรู้ว่าตนเองขี้เหงา  อ่อนไหวง่ายต่อเพศตรงข้าม  การจะคบหาเชื่อใจใครก็คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ และให้เวลาตนเองเรียนรู้จักเพศตรงข้ามให้นานหน่อยค่อยตัดสินใจ  ดังในกรณีข้างบนนี้ โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายมีคนรักอยู่แล้ว ก็ต้องให้แน่ใจว่าเขาเลิกหรือยุติการคบหากับคนเก่าแล้ว  เราจึงค่อยเริ่มต้นใหม่กับเขา  มิฉะนั้นจะทำให้เรากลายเป็น “มือที่สาม” หรือไม่เช่นนั้น เราก็อาจจะเป็นฝ่ายถูกเขาหลอก  หรือ เขาอาจจะบอกว่า “เราคิดไปเอง!


กลับด้านบน